“เฟี้ยว” จุฑามาศ กำปั้นไทย แพ้เบอร์1จากตุรกี ตกรอบ 8 คน โอลิมปิก

“น้องเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ นักชกสาวรุ่น 51 กก. สู้สุดใจไปไม่ถึงฝันพ่ายคู่ปรับเก่า “บูเซนาซ ชาคิโรกลู” จากตุรกี อย่างขาดลอย 0-5 เสียงตกรอบ 8 คนสุดท้ายมวยสากลกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 เจ้าตัวเสียดายที่ไม่สามารถก้าวไปถึงรอบลึกกว่านี้ แต่ก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว วางเป้าขอซ้อมหนักเพื่อกลับไปแก้มือโอลิมปิกเกมส์ครั้งหน้า 2024 ที่ปารีสให้ได้

การแข่งขันมวยสวากลกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่สนามแข่งขันโกกุคุกิคัง อารีน่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นการชกรอบ 8 คนสุดท้าย ในรุ่น 51 กก.หญิง “น้องเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ นักชกไทย พบกับ บูเซนาซ ชาคิโรกลู จากตุรกี ทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้วทัวร์นาเม้นท์ที่ “เช็ก” เป็น น้องเฟี้ยว ที่พ่ายมาอย่างสูสี เกมยกแรกทั้งคู่จดๆจ้องๆ ดูเชิง ก่อนที่สาวตุรกีชิงจังหวะดักต่อยได้อย่างแม่นยำ หมดยกแรกคะแนน เจ้าเฟี้ยว ตาม 1-4 ทำให้ยก 2-3 ต้องเดินบี้เข้าหาอย่างหนักแต่ก็ยังคลำหาเป้าไม่เจอกลับถูก ชาคิโรกลู ดักต่อยจังๆ หลายหมัดครบยก บูเซนาซ ชาคิโรกลู จากตุรกี เป็นฝ่ายชนะคะแนนขาดลอย 5-0 เสียงผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ส่วน จุฑามาศ ตกรอบ 8 คน

หลังพลาดหวัง “น้องเฟี้ยว” กล่าวว่า เสียใจที่ไม่สามารถเข้ารอบให้ลึกกว่านี้ได้ แต่ตนก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว ยกแรกคะแนนเราตามทำให้ต้องเปลี่ยนเกมเป็นเดินเข้าหา จึงเข้าทางเขาพอดีเพราะเขาเป็นมวยประเภทตั้งรับ ไม่เป็นไรกีฬามีแพ้มีชนะการเข้าถึงรอบ 8 คนถือว่าเกินจากเป้าหมายแล้วสำหรับโอลิปปิกเกมส์ครั้งแรก แต่เป็นไปได้ก็อยากเข้าให้ลึกกว่านี้หรือมีเหรียญกลับไป ตนจะนำประสบการณ์จากครั้งนี้กลับไปพัฒนาฝีมือให้กล้าแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อก้าวไปให้ถึงฝันที่วางไว้


วันนี้ตนอยากพิสูจน์ให้โค้ชหรือทุกคนเห็นว่าตนก็ทำได้ดีไม่แพ้ใคร และทำหน้าที่อย่างเต็มทีี่ทุกครั้งเวลาที่ขึ้นสังเวียน อนาคตหลังจากนี้จะซ้อมให้หนักกว่าเดิมหากมีโอกาสจะต้องไปแก้มือที่โอลิมปิกเกมส์ 2024 โดยเฉพาะคนที่ตนแพ้มาจะกลับไปทวงแค้นให้ได้ ฝากขอบคุณทุกคนทั้งสมาคมกีฬามวยฯ รวมถึงสต๊าฟโค้ชที่คอยเป็นกำลังใจให้โอกาสและสนับสนุนตนมาตลอด “น้องเฟี้ยว” กล่าวตอนท้าย

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *