มีคนพยายามเอา “นายก ส.มวยอาชีพ” ออกจากบอร์ดมวย
จากคอลัมน์ “กฎหมายมวย” ยาสามัญประจำคนมวย ของ “ทนายมวย” สุกฤษฏิ์ แพรกรีฑาเวศน์ ในมวยสยาม ฉบับวันที่ 23 ม.ค.64 ซึ่งมีวรรคหนึ่งระบุถึงมีคนพยายามแก้ให้ตำแหน่งนายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยออกจากกรรมการบอร์ดมวย ตามพรบ.กีฬามวย 42 ซึ่งมีที่มาอย่างไร ลองไปอ่านกันตั้งแต่ต้นจนจบ จะได้ทราบอย่างละเอียด
เขย่าขวดก่อนใช้ (ตอนที่ 1)
ช่วงมวยหยุดโควิดรอบ 2 ยาว มีคนโทรหาผมว่า ทนายในฐานะเป็นฝ่ายกฎหมายของสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย ตอนนี้ไม่มีโปรแกรมการชกและข่าวสารวงการมวย
เลย อยากให้ผมช่วยเขียนเรื่องกฎหมายมวย เพราะคนมวยหลายท่านไม่สามารถหาอ่านได้ และอยากได้ความรู้ ขอให้สรุปผลได้เสียของกฎหมายมวยด้วย ผมเห็นดีงามด้วยจึงจัดให้ทันทีครับ แต่จะเขียนแบบ กฎหมายชาวบ้าน อ่านเข้าใจง่าย ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีก
ทำไมต้องมีกฎหมายมวย เหตุใดทำไมต้องมี พ.ร.บ.กีฬามวย ฉบับปี 2542 ต้องย้อนไปถึงก่อนปีประกาศใช้นั้น ปัญหาเรื่องการว่าจ้างล้มมวย เป็นปัญหาใหญ่ รองมาเรื่องนักมวยเดินสายชก ไม่พักผ่อนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย และพอเริ่มดังก็ย้ายค่ายจากไป และเกิดจากหัวหน้าค่ายที่แบ่งเงินรางวัลค่าตัวนักมวยไม่เป็นธรรม ปัญหาเรื่องการตัดสินของกรรมการค้านสายตา มันเป็นปัญหาที่เกิดกว่า 50 ปีและต้องการคนสะสาง ตอนนั้นการชกมวยอยู่ในความรับผิดชอบของกรมพละศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการซึ่งได้ควบคุมโดยร่างระเบียบข้องบังคับ กติกาใช้ แต่ก็ไม่มีบทกฎหมายลงโทษคนว่าจ้างและนักมวยที่ทรยศต่อวิชาชีพล้มมวยได้ ฟ้องศาลไปก็เอาโทษไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายอาญาบัญญัติให้เอาโทษในเรื่องนี้ได้ และเคยมีเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนใช้กำหมายมวย ถึงโรงศาลเป็นคดีเมื่อ เฮียน้อย ลูกพระบาท ซึ่งเสียชีวิตแล้ว นำนักมวยในสังกัดไปชกที่สนามมวยนารายณ์ จังหวัดลพบุรี อยู่ในค่ายทหารมวย วันนั้นมีการเดิมพันด้วย ปรากฎว่าชกเสร็จกรรมการได้ชูมวยให้ฝ่ายลูกพระบาทชนะ ด้วยคะแนนกรรมการ 2 ต่อ 1 เสียง แต่มีการประท้วงเกิดขึ้น จนนายสนามประกาศให้เสมอกันไป เฮียน้อยจึงนำเรื่องไปฟ้องที่ศาลจังหวัดลพบุรี ที่สุดศาลตัดสินว่าในเมื่อเคยมีระเบียบกติกาให้ฝ่ายเสียงข้างมากชนะแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่เงินเดิมพันที่เฮียน้อยขอให้ศาลสั่งให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายเงินเดิมพันให้นั้น เพราะเป็นหนี้การพนัน มัหาก่อให้เกิดหนี้ไม่ ตามกฎหมายบัญญัติไว้
เมื่อปัญหาของวงการมวยในยุคก่อนรุมเร้า นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย เห็นช่องว่างตรงนี้จึงได้ยกมือประสานสิบทิศทิศ ให้มีการร่าง พ.ร.บ.กีฬามวย เพื่อให้ใช้บังคับ และสามารถมีบทลงโทษทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดได้ จึงได้ผลักดันเสนอให้ ส.ส. ในขณะนั้น ซึ่งมี ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ตรงนี้ต้องให้เครดิตกับพรรคประชาธิปัตย์ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี รีบนำร่างฉบับนี้เข้าสภา จนในที่สุด ที่ประชุมรัฐสภาก็ลงมติเอกฉันท์ให้ใช้ พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2542 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2542 รวมปัจจุบันคนมวยอยู่คู่กฎหมายมวยมาแล้ว 22 ปีแล้ว
ด้วยต้องเร่งรีบให้ทันต่อสมัยของรัฐบาลในขณะนั้น ขืนช้าอาจไม่ออกใช้ เมื่อมีรัฐบาลอื่นมาแทน การร่างจึงระดมสมองคนมวยในสมัยนั้นช่วยกันออกแบบ ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นครั้งนั้นด้วยและเอาเฉพาะประเด็นหลักๆ ที่มีปัญหาร่างขึ้นก่อน จึงทำให้ พ.ร.บ.มวยมีเพียงแค่ 63 มาตราเท่านั้น (ปัจจุบันยกเลิก ม.52 เรื่องกองทุนกีฬามวย เพราะภายหลังมี พ.ร.บ. กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติแทน) กฎหมายมวยสั้น ๆ บางเฉียบ คนเห็นบอกว่ามันจะคลอบคลุมทุกเรื่องในการใช้รักษาโรคเรื้อรังของคนมวยได้ไหม ผมว่า พ.ร.บ.มวยฉบับนี้ จิ๋วแต่แจ๋วจริง เพราะตาม ม.9 (5) ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ในการออกข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศเพื่อปฏิบัติเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต่อมาก็มีการออกโดยใช้พระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ กฎกระทรวง 6 ฉบับ ข้อบังคับ 1 ฉบับ และระเบียบอื่น ๆ อีก 18 ฉบับ รวมแล้ว 25 เรื่อง ออกมาเพื่อให้บุคคลในวงการมวยปฏิบัติ เช่น เรื่องความปลอดภัยนักมวย ให้พักร่างกายหลังชก 21 วัน ถ้าน็อกเขา พัก 14 หรือถูกน็อกพัก 1 เดือน ระเบียบว่าด้วยการสังกัดค่าย และย้ายค่าย นักมวย ตรงนี้มาดังตอนที่บัวขาว ย้ายค่ายจาก ป.ประมุข มาใช้สังกัดค่ายนบัญชาเมฆ โดยเจ้าของค่ายกำนันประมุข ไม่ยอม ในที่สุดมันทำไม่ได้ หรือเรื่องการออกระเบียบคุณสมบัติของผู้ตัดสิน และกติกาสำหรับการแข่งขันกีฬามวย ปี 2545 มันสามารถออกเป็นระเบียบให้ทันยุคสมัยได้ ถามผมว่าครอบคุลมไหม ผมว่าภาพรวมใช้บังคับได้ทุกอย่าง แต่ก็ติดขัดที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ เปรียบเสมือนยาดี แต่ไม่มีการหยิบมาใช้ หรือเขย่าขวดก่อนใช้ จึงเป็นหมันไป และสำคัญมีคนอุตริคิดไปนำเสนอให้แก้กฎหมายมวยทั้งฉบับ ดังที่เคยมีตัวอย่าง เช่น ร่างแก้ไข พ.ร.บ. มวย ปี 2561 ฉบับของ สำนักงานกีฬามวย และของ สนช. ปี 2562 ทั้ง 2 ฉบับนี้ดันไปแก้ไขเรื่องมวยเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ชกเด็ดขาด และให้อายุต่ำกว่า 15 ปี ชกต้องสวมเครื่องป้องกัน ผมต้องไปต่อสู้รวมคนมวยไปคัดค้านว่าไม่ได้ทำพิจารณ์ ตาม รัฐธรรมนูญ ม.77 จนกระทั่ง ร่างทั้งสองฉบับถูกตีตกไปแล้ว ขอทีเถิดใครที่โลกสวยคิดแก้ ก.ม.มวยทั้งฉบับ ทางออกมันมีอยู่แล้วที่เราเคยปฏิบัติอยู่ คือใช้ พ.ร.บ.มวย ม.9 (5) แทน
สาระสำคัญของกฎหมายมวยมีอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่มาตรา 3 ให้ความหมายคำจำกัดความไว้หลายเรื่อง แต่ที่สำคัญก็คือ “บุคคลในวงการมวย” หมายความว่า นักมวย ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน ผู้จัดการนักมวย หัวหน้าค่ายมวย นายสนามมวย ผู้จัดรายการแข่งขันมวย” จะเห็นว่า มีเพียง 7 ประเภท (เซียนมวย ไม่เกี่ยวข้องด้วย ) ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายมวย มิฉะนั้นจะถูกลงโทษ และตาม ม.12 มีสิทธิได้รับทุนสวัสดิการ คือ นักมวย ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน หัวหน้าค่ายมวย 4 ประเภท อันเป็นเงิน.ที่ให้เมื่อประสบอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยอันเกิดจากการแข่งขัน หรือเงินสงเคราะห์ อื่นๆ ตรงนี้ที่เขาได้รับเงินไป 17.5 ล้าน จ่ายเป็นสงเคราะห์ให้แล้วเพราะโควิดพ่นพิษ โอยอนุมัติจากบอร์ดมวย ทั้งนี้ ม.3 ยังให้ความหมายถึง “นายทะเบียน” ทว่าจะต้องดูแล พ.ร.บ.มวยนี้ คือ ผู้อำนวยการสำนักงานกีฬามวย หรือที่ ผ.อ.มวยมอบหมาย ตรงนี้ให้ดาบถือไว้แล้วครับ จาก “คณะกรรมการกีฬามวย” (บอร์ดมวย) ตาม ม.5 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน โดยมีกรรมการอื่นจากผู้แทนหน่วยงานต่างๆ อีก 8 คน รวมทั้ง นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการโดยตำแหน่งอีกด้วย และบอร์ดมวยแต่งตั้งผู้ทรงวุฒิได้อีก 7 คน อยู่ได้ 2 ปีพร้อมกับให้ ผอ.มวยเป็นเลขา สิริรวมทั้งหมดมีทั้งสิ้น 17 คน โดยปกติก็จะประชุมกัน 3 เดือนต่อครั้ง
ตอนนี้มีคนพยายามแก้ให้ตำแหน่งนายกสมาคมกีฬามวยอาชีพ ออกจาก
กรรมการบอร์ดมวยตาม พ.ร.บ. ออก แล้วให้ไปถูกเลือกในฐานะ ผู้ทรงคุณวุฒิ แทน คิดได้ยังไง
สำหรับเสนอร่างกฎหมายมวยด้วยมือ ต่อสู้เพื่อคนมวยมากว่า 40 ปีแล้ว เข้าทางสุภาษิต “เสร็จนาฆ่าโคถึง เสร็จศึกฆ่าขุนพล”
บอร์ดมวย มีหน้าที่ควบคุม และเพื่อกำหนดในการประชุมให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายมวยนี้ แต่สำหรับหน่วยงานและผู้ดูแลนั้น ม.17 ให้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเรียกว่า “สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย (สคม.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ทั้งนี้ให้ผู้ว่า กกท. แต่งตั้งพนักงานของตน ระดับไม่ต่ำกว่า ผู้อำนวยการกอง ถ้าทางระดับคือ ซี 8 เพื่อเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมบอร์ดมวยก่อน ตาม ม.18 ผอ.มวยต้องมีดีกรี ข้าราชการ ระดับ ซี 8 ตอนที่ ผอ.ประเสริฐ ตันมี เกษียนราชการ ก็มีคุณปรเมษฐ์ ภักดีคิรีไพวัลย์ ผอ.มวยคนปัจจุบัน ในขณะนั้นเป็นแค่รอง ผอ. ซึ่งมีระดับแค่ ซี 7 เป็นผอ.ไม่ได้ ก็มีการขัดตาทัพ โยกย้ายนายวิบูณ จำปาเงิน จากตำแหน่งผู้อำนวยการกองส่งเสริมพัฒนากีฬาอาชีพ (ซี 8) มาเป็นผอ.มวยแทน ผอ.ประเสริฐ ฯ แล้วให้ ผอ. ปรเมษฐ์ ไปแทน ผอ.วิบูณ เพื่อรับตำแหน่ง ซี 8 แต่โชคร้ายมาตกกับ ผอ.วิบูณ ที่เผชิญ วิกฤต ช่วงโควิด โดยเฉพาะเคสของสนามมวยลุมพินีที่ถูกทัวร์ลงว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคโควิดรอบแรก งานเลยเข้า กว่าจะฝ่าฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไป รอถึงวันที่ 1 ต.ค. 63 จึงมีการโยกให้ ผอ.ปรเมษฐ์ ซึ่งมีคุณสมบัติครบมาเป็น ผอ.มวยคนใหม่แทน ส่วน ผอ.วิบูณ ก็ไปรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล คือย้ายจากผู้อำนวยการระดับกอง (ซี8) มาเป็นระดับฝ่าย (ซี9) สูงกว่าเดิม งานนี้ แฮปปี้ เอ็นดิ้ง ถ้วนทั่วหน้ากัน
ที่ต้องกล่าวถึงความสำคัญของ ผอ.มวย ตรงนี้ เพราะตำแหน่งนี่แหละจะเป็นผู้ทำหน้าที่รักษาความศักดิ์สิทธ์ของ กฎหมายมวย ให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างไร จึงเป็นที่มาของผมว่า โปรด ! เขย่าขวดก่อนใช้ … (ติดตามตอนต่อไป)