“มวยไทยรากหญ้า” เข้าสู่รอบ 5 ภูมิภาค หวังสร้างนักมวยรุ่นใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2565 ที่บริเวณลาน ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทย มีการแถลงข่าวความคืบหน้า “มวยไทยในท้องถิ่นจากรากหญ้าสู่สากล” รอบน็อคเอาท์ระดับภาค 5 ภาค และรอบชิงชนะเลิศประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาอาชีพและก็ฬามวย , ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ , น.ส.สุดาทิพธิ์ ยิ้มสุทธิ์ ผู้แทนสมาคมกีพามวยอาชีพแห่งประเทศไทย , ดร.ศุภศักดิ์ เงาประเสริฐวงศ์ ผู้แทนโปรโมตอร์จัดการแข่งขันมวยไทยรากหญ้า , นายสุระ แสนคำ หรือ เขาทราย แกแล็คซี่ ผู้สร้างแรงบรรดาลใจให้กับนักมวยไทย และนายวรศักดิ์ ภักดีคำ ประธานกรรมการตัดสิน

นายทนุเกียรติ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์ เผยแพร่ และ พัฒนากีฬามวยไทยให้เป็นเอกลักษ์ของชาติที่มั่นคงและยั่งยืนรวมถึงเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์อันดี สร้างทัศนคติที่ดีสำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย ซึ่งรูปแบบการแข่งขันในครั้งนี้ได้มีการจัดแบ่งการแข่งขันออกเป็นรอบคัดเลือกระดับจังหวัด ตามกลุ่มจังหวัดในรูปแบบคลัสเตอร์ ซึ่งดำเนินการร่วมกับผู้จัดรายการแข่งขันมวยไทยในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 พร้อม
ทั้งคัดเลือกนักก็ฬาจำนวน 1 คนต่อรุ่น เข้าสู่การแข่งชันแบบแพ้คัดออกในรอบชิงแชมป์ประดับภาค 5 ภาค ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2565 ซึ่งรอบชิงแซมป์ 5 ภาคนั้น ได้แก่ ภาค 1 เวทีแข่งขันจังหวัดชลบุรี , ภาค 2 เวทีแช่งขันจังหวัดอยุธยา , ภาค 3 เวที่แข่งขันจังหวัดมหาสารคาม , ภาค 4 เวที่แข่งขันจังหวัดพัทลุง , ภาค 5 เวทีแข่งขันจังหวัดเชียงราย และรอบชิงชนะเลิศประเทศไทยเพื่อหาแชมปีของการแข่งขันในครั้งนี้ ในช่วงเดือน ธันวาคม 2565 ที่ส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร

ดร.สุปราณี เผยว่า เป็นการส่งเสริมนักมวยในท้องถิ่นเพื่อสร้างนักมวยรุ่นใหม่ขึ้นมาแล้วนั้น ยังเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นๆอีกด้วย เพื่อเป็นการผลักดันนักท่องเที่ยวในประเทศให้มาทำการท่องเที่ยว และเพิ่มกำลังการใช้จ่ายหมุนเวียนต่อไป

ด้าน นายวรศักดิ์ กล่าว่า การตัดสินมวยไทยรากหญ้า จะให้คะแนนเป็นยกและมีการโชว์คะแนนบนสกอร์ให้ทราบในยกที่ 1-2-3 ส่วนยก 4-5 จะประกาศคะแนนพร้อมกันหลังจบการแข่งขัน ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่จะทำให้กีฬามวยไทยแพร่หลายเข้าใจง่ายสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น

ด้าน ดร.น็อต เผยว่า ต้องขอขอบคุณที่ภาครัฐให้การสนับสนุน หากเราไม่ช่วยกัน โปรโมเตอร์ต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะขาดทุนและค่อยๆลดบทบาทลงไป ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตนักมวยต้นกล้าไม่เพียงพอต่อการพัฒนามวยรุ่นใหม่ระดับประเทศต่อไปในอนาคต

ด้านเขาทราย เผยว่า ตนจะร่วมทำงานในส่วนของโครงการสาธิตแข่งขันและสร้างแรงบันดาลใจ และเผยแพร่อนุรักษ์กีฬามวยไทยในกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ (Seed Muaythal Fight) เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในนักกีฬาเยาวชน อนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวและเอกลักษณ์ประจำชาติไทย ที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ใช้ในการต่อสู้กับตัตรูที่มารุกรานและสามารถปกป้องอธิปไตยของชาติไทยไว้ให้ลูกหลานจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งมวยไทยเป็นมรดกทางภูมิปัญญา เป็นศิลปะทางวัฒนธรรมที่สำคัญและพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันให้ธำรงค์อยู่ต่อไป

Leave a Comment

Your email address will not be published.