ทำความรู้จัก “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” ก่อนมาเป็น “กัปปิตัน” มือปราบ “แสงมณี”
ไปทำความรู้จัก “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง มือปราบแสงมณี ส.กาแฟมวยไทย ชนะแบบตาใสเป็นตาตั๊กแตน คว้าแชมป์มวยมันส์วันศุกร์รุ่น 140 ป. เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 เวทีมวยรังสิต
“กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” นักมวยไทยที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ บู๊ได้ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ มีรางวัลเกียรติยศหลากหลายสาขาเป็นเครื่องการันตี ทั้งประเภทมวยไทยอาชีพ มวยไทยสมัครเล่น และมวยสากลสมัครเล่น กว่าจะยืนหยัดเป็นนักมวยแถวหน้าของวงการ เขาต้องผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย
กัปปิตัน มีชื่อเล่นว่า “เบส” (Best) มาจากภาษาอังกฤษที่แปลว่าดีที่สุด มีชื่อจริง “นายอนึ่ง คัฒมารศรี” เกิดเมื่อ 24 มีนาคม 2536 ปัจจุบันอายุ 27 ปี เป็นชาวจังหวัดหนองบัวลำภู มีพี่สาวหนึ่งคนอายุห่างกัน 3 ปี พ่อแม่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
เจ้าเบส เป็นคนชอบเล่นต่อสู้ ตอนอายุ 9 ขวบ เขาชวนก๊วนเพื่อนประมาณ 20 คน ไปเรียนมวยที่ค่ายมวย ต.ประสิทธิ์ ของ “นายประสิทธิ์ อ้วนแพง” ซึ่งอยู่แถวบ้าน มีครูมวยคนแรกคือ “นากลางน้อย ส.คิงส์สตาร์”
เบส เป็นเด็กใจร้อน ซ้อมมวยได้เพียงเดือนเดียว ก็ขอขึ้นชกตามประสาเด็กอยากลองวิชา ได้ค่าตัว 100 บาท ใช้ชื่อว่า “ดีเซลเล็ก ต.ประสิทธิ์” ชกในงานบุญบั้งไฟของ จ.หนองบัวลำภู ผลการชกแพ้น็อกยก 2 เพราะคู่ชกสูงยาวกว่าเยอะ
แม้การเปิดตัวจะไม่สวย แต่ เบส กลับหลงเสน่ห์และรักมวยไทยมากขึ้น อาจเป็นเพราะฐานะทางบ้านยากจน เจ้าตัวจึงปักหลักชกมวยแบ่งเบาภาระครอบครัว พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาเรียนที่โรงเรียนบ้านนาหนองทุ่ม ต.ฝั่งแดง อ.นากลาง ควบคู่ไปด้วย
“ชกไฟต์แรกผมได้ค่าตัว 100 บาท จากนั้นก็ขึ้นชกมาเรื่อยๆ และแพ้ติดต่อกัน 7 ไฟต์รวด จนพ่อกับแม่ถามว่า เลิกชกไหม (หัวเราะ) แต่ผมก็รั้น อยากชกต่อครับ”
คนแถวบ้านที่มาทำงานกรุงเทพฯ
รู้จัก “อ.ฉลองศักดิ์ ส.ธนิกุล” เทรนเนอร์ค่ายมวย เพชรศิริยิม ของ “นายชาลี โพธิ์ศิริ” จึงชักชวนให้ เบส ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ หลังเรียนจบ ป.4 และเปลี่ยนสังกัดเป็น “ดีเซลเล็ก เพชรศิริยิม”
เบส เป็นเด็กรูปร่างโตช้า จึงต้องตระเวนชกตามเวทีมวยล้อมผ้านานถึง 3 ปี เพื่อรอให้ได้น้ำหนักตัวซัก 100 ปอนด์ จึงได้ขึ้นชกเวทีมวยมาตรฐาน เปิดตัวครั้งแรกศึกลุมพินีเกริกไกร ที่สนามมวยเวทีลุมพินี เอาชนะคะแนน “ลำน้ำมูล ส.ธนะภิญโญ” เมื่อต้นปี 2550
ตอนเด็กๆ ว่าแคระแกร็น แต่พอตอนจะเป็นหนุ่มก็โตไม่หยุด ช่วงอายุ 18 ปี จึงมีปัญหาเรื่องการทำน้ำหนัก อย่างไรก็ตามช่วงนั้น เขาได้เปลี่ยนสีเสื้ออีกครั้งเป็น “ดีเซลเล็ก อู๊ดดอนเมือง”
ด้วยสไตล์การตัดผมทรงหน้าม้าประกอบกับเป็นคนหน้าตี๋ ดีเซลเล็ก จึงได้รับฉายาจากสื่อมวลชนให้เป็น “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” โชว์ผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์บนสถิติการชกสุดหรู
จนปี 2555 ได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับรางวัลนักมวยดีเด่นการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แต่ทว่าพอถึงรอบชิงแพ้โหวตให้กับ “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” เจ้าตัวจึงได้ตำแหน่งรองนักมวยไทยดีเด่น กกท.ไปครอง ในวัยเพียง 19 ปี นับว่าเป็นรางวัลเกียรติยศแรกของชีวิต
นักมวยทีมชาติ
เส้นทางการต่อสู้ของ ดีเซลเล็ก โลดแล่นอยู่บนสังเวียนมวยไทย ควบคู่ไปกับการชกมวยสากลสมัครเล่น ตั้งแต่สมัยที่เขาอายุ 16 ปี ในฐานะตัวแทนโรงเรียนวิทยาลัยอาชีพนวมินทร์ราชูทิศ
“ใจจริงตัวผมเองอยากลงแข่งขันชกมวยไทย แต่เขามีกฎที่ว่า ถ้าเป็นนักกีฬาอาชีพในประเภทนั้นๆ อยู่แล้ว จะไม่มีสิทธิ์ลงแข่ง ผมจึงต้องเปลี่ยนไปเลือกมวยสากลสมัครเล่นแทน ซึ่งทำให้ผมได้เรียนรู้และฝึกซ้อมกีฬาชนิดนี้ด้วยตัวเอง โดยอาศัยพื้นฐานมวยไทยที่ผมมีเป็นทุนอยู่แล้วครับ”
เมื่ออายุครบ 21 ปี ดีเซลเล็ก ถูกเกณฑ์ทหารรับใช้ชาติ ครูฝึกรู้ว่าเป็นนักมวยฝีมือดีจึงสนับสนุนให้ชกมวยทหาร และคว้ารางวัลมากมาย เช่น เหรียญทองมวยสากลสมัครเล่น รุ่น 69 กก. 2 ปีซ้อน (2560 – 2561) และ เหรียญทองมวยไทยสมัครเล่น รุ่น 69 กก.ในปี 2562
ในระหว่างนั้น ดีเซลเล็ก ยังได้รับการคัดเลือกให้ติดทีมชาติไทยแข่งขัน 2 รายการใหญ่ กีฬาซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย คว้าเหรียญทองมวยไทยสมัครเล่น รุ่น 71 กก. และศึกเวิล์ดเกมส์ 2017 ที่ประเทศโปแลนด์ ได้เหรียญทองแดงมวยไทยสมัครเล่น รุ่น 67 กก.
ในสังเวียนอาชีพ ดีเซลเล็ก ได้ครองแชมป์ประเทศไทย รุ่น 154 ปอนด์ จากการเอาชนะ “เดชฤทธิ์ ภพธีรธรรม” เมื่อ 27 กรกฎาคม 2559 ที่ราชตฤณมัยสมาคม ก่อนจะย้ำแค้นคู่แข่งเดิมอีกครั้ง และคว้าแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินีมาครองเป็นเส้นที่สอง เมื่อ 1 มิถุนายน 2562
ปี 2562 เป็นปีทองของ ดีเซลเล็ก และเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คราวนี้ไม่เพียงเปลี่ยนสีเสื้อ แต่เปลี่ยนทั้งค่ายมวยและเปลี่ยนชื่อนักมวย เป็น “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” ซึ่งชื่อมาจากภาษาสเปน หมายถึง กัปตัน หรือ หัวหน้าในเรือ
การย้ายมาอยู่บ้านใหม่กับเพชรยินดีอะคาเดมี กัปปิตัน ได้ตอกย้ำความสำเร็จ ประเดิมชัยชนะคะแนน คว้าแชมป์ทรูโฟร์ยู รุ่นมิดเดิลเวต160 ป.มาเชยชมอีกเส้น เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2562
ด้วยดีกรีความสำเร็จที่มากมาย ต้นปี 2563 กัปปิตัน จึงได้จรดปากการ่วมศึกกับ วัน แชมเปียนชิพ ในรุ่นแบนตัมเวต (61.3-65.8 กก.) ซึ่งมี “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ยอดมวยรุ่นพี่ครองบัลลังก์แชมป์อยู่ โดยได้เปิดตัวครั้งแรกก็น็อกช็อกโลก สร้างสถิติใหม่บนสังเวียน วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ (กติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง) ของ วัน แชมเปียนชิพ ด้วยเวลาเพียง 6 วินาที
ปัจจุบัน กัปปิตัน มีแฟนแล้วเป็นครูอยู่ที่ จ.นครราชสีมา วางเป้าหมายอนาคตจะต่อยมวยอีก 3 – 4 ปี เก็บเงินเก็บทองไปอยู่บ้านต่างจังหวัด ใช้ชีวิตไม่โลดโผน อยู่กับท้องไร่ท้องนา พอได้ทำมาหากิน และอยากมีฟาร์มวัวฟาร์มไก่เป็นของตัวเอง
คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/7NETibh-4xA
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา กัปปิตัน สร้างปรากฎการณ์หักปากกาเซียนแทบทุกสำนัก ด้วยการต่อยได้นับแสงมณีในยก3 และไล่ห่างเอาชนะคะแนนไปแบบขาดลอย พร้อมได้ครองแชมป์มวยมันส์วันศุกร์รุ่นซูเปอร์ไลท์เวต 140 ป.มาครอง เพิ่มดีกรีความสำเร็จให้อีกเส้นในวัน 27 ปี